วันจันทร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2552

เทรนด์ป๊อป เทรนด์ฮิตวัยรุ่น . .



หรือเป็นเพราะหน้าฝน คนถึงขี้เกียจประดิษฐ์กาย แฟชั่นช่วงนี้เลย ไม่เกิด เกิด เกิด มีไฟแค่ไหนก็แพ้น้ำ (ฝน) แต่งไปก็ดับ ดับ ดับ เพราะเจอฝนสาดซะงั้น (โอ๊ย โอ๊ย จะทนได้นานสักเท่าไร) ช่วงนี้ไม่รู้เป็นไง ไม่มีจิตใจอยากซื้ออะไร ทั้งที่ช่วงนี้เซลฉิบ-าย






แม้อยากมีส่วนร่วมช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของชาติ (ช็อปช่วยชาติว่างั้น) ก็ไม่ไหวละ เพลีย อีกอย่างของที่ขายมันซ้ำๆ กับของที่มีอยู่ หรือพอมีอะไรโดดเด่นขึ้นมาหน่อยก็โดนมือดีแห่งวงการตะครุบตัดหน้าไปเฉยเลย แทบตายกว่าจะได้มา สองชั่วโมงถัดมาเลิกอินซะงั้น เจ็บใจสาด ในเมื่อช่วงนี้ในวงการดูซึมๆ งั้นก็กลับมาเล่นของเก่ามาเล่าใหม่ เปลี่ยนท่วงทำนองใหม่เหมือนวงการเพลงที่หาเพลงเก่ามาให้นักร้องคนใหม่ร้องแทน ได้อารมณ์ใหม่ๆ ขึ้นมา แถมง่ายต่อการเข้าใจ เพราะเพลงมันคุ้นเนื้ออยู่แล้ว




เอาอารมณ์แบบนี้แหละมาใช้กับการแต่งตัวของเราเองบ้าง อาจจะขอยืม (หรือขอเลย) จากพี่ เพื่อน หรือผู้สนับสนุนอย่างเป็นทางการมาตลอดชีวิต (คือพ่อแม่เรา) มาแต่งเติมเพิ่มกลิ่น พยายามแหกกฎที่วงการแฟชั่นบัญญัติไว้เมื่อสมัยละโว้ ไอ้ที่คิดว่าไม่เหมาะสม ไม่ถูกต้อง ไม่เข้ากัน กูขัดใจ ตอนนี้แหละกระแส Pop Remix มาพอดี คว้าไว้อย่าให้มันหลุดแผง

วันอังคารที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2552

วันพุธที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

*การรบที่วอเตอลู



การรบที่วอเตอร์ลู (Battle of Waterloo)
ส่วนหนึ่งของสงครามนโปเลียน

วันที่ 18 มิถุนายน ค.ศ. 1815 (พ.ศ. 2358)
สถานที่ วอเตอร์ลู, เบลเยียม
ผลการรบ
ฝ่ายกำลังผสม 7 ชาติ ชนะอย่างเด็ดขาด
คู่สงคราม
ฝรั่งเศส - กองกำลังผสม 7 ชาติ
(สหราชอาณาจักร,
ปรัซเซีย,
สหราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์,
ฮันโนเวอร์,
รัฐนัสซอ,
บรันสวิก-ลึนเบิร์ก)

ผู้บัญชาการรบ
นโปเลียนที่ 1 (นโปเลียน โบนาปาร์ต) - ดยุกแห่งเวลลิงตัน (สหราชอาณาจักร)
มิเชล เนย์ (เจ้าชายลำดับที่ 1 แห่งมอสโควา) - เจบาร์ด ฟอน บึนเชอร์ (ปรัซเซีย)

กำลังรบ
73,000 - 67,000 พันธมิตรแห่งสหราชอาณาจักร
64,000 ทหารปรัซเซีย (48,000 ได้รับการว่าจ้าง)

ความสูญเสีย
25,000 เสียชีวิต/บาดเจ็บ - 22,000 เสียชีวิต/บาดเจ็บ
15,000 หายสาบสูญ
7,000 ถูกคุมขัง


บทสรุป
ฝรั่งเศสแพ้ และนโปเลียนก็ถูกส่งไปยังเกาะเซนต์เฮเลน่าในมหาสมุทรแอตแลนติกในภายหลัง และก็สิ้นพระชนม์ที่นั่นด้วยพระชนมายุ 51 พรรษา (นโปเลียนที่ 1 ; เกิด 15 สิงหาคม ค.ศ. 1769 (พ.ศ. 2312) - สิ้นพระชนม์ 5 พฤษภาคม ค.ศ. 1821 (พ.ศ. 2364)) โดยฝรั่งเศสนั้นเหลือพื้นที่น้อยกว่าก่อนการปฏิวัติเสียอีก ถ้าจะเห็นเป็นเค้าราง ก็ตอนที่พระองค์แพ้ที่มอสโคนั่นเลยครับ ถ้าเราจะบอกว่า พระองค์ทะเยอทะยานเกินไปก็คงไม่ผิดนัก เพราะพระองค์ดำริว่า "การมีกองทัพที่ใหญ่โตนั้น จะสามารถทำให้กรุงปารีสเป็นศูนย์กลางของยุโรปได้" ตอนแพ้กลศึกแบบกองโจรของรัสเซียนี้ ก็เกือบเอาพระองค์ไม่รอดเหมือนกัน...การศึกครั้งนี้จึงเป็นครั้งสุดท้ายที่พระองค์ได้ฝากฝีมือไว้ ก่อนที่จะสิ้นอำนาจของพระองค์เป็นการถาวร...
***

วันจันทร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

**9 วิธีกำจัด ยุง มด แมลงสาป



บ้านไหนที่กำลังหาวิธีกำจัดยุง มด แมลงสาบ ลองทำตามกันได้เลยค่ะ

1.ใช้ฟองน้ำเปียก ๆ เช็ดตามทางมด มดจะหาทางเดินไม่เจอ

2.โรยพริกป่น สะระแหน่แห้ง กากกาแฟ ตามบริเวณที่มดเดินหรือบีบมะนาวตามรูเข้าของมด หรือทิ้งเปลือกมะนาวไว้ตรงนั้น ปลูกสะระแหน่ไว้รอบบ้าน มดจะไม่กล้าเข้าใกล้

3.ใช้ผงฟูโรยตามทางของมด หรือใช้น้ำส้มสายชูผสมน้ำเช็ดตามทางเดินมด แมลงสาบ

4.ใช้ข้าวโอ๊ตหรือแป้งข้าวโพดผสมปูนปาสเตอร์อย่างละเท่า ๆ กัน โรยบริเวณที่แมลงสาบมารบกวน เมื่อแมลงสาบกินเข้าไปปูนพลาสเตอร์จะแข็งตัว ทำให้แมลงสาบตาย

5.ใช้ผงฟูผสมกับน้ำตาลทรายอย่างละเท่าๆ กัน โรยบริเวณที่แมลงสาบมารบกวน

6.ใช้แป้งข้าวโพด 2 ช้อนโต๊ะ บอแร๊กซ์ 4 ช้อนโต๊ะ ผสมให้เข้ากันใช้ โรยบริเวณที่ยุงมารบกวน

7.เอาตะไคร้หอมหั่นแล้วตำ คั้นเอาแต่น้ำแล้วนำไปเคี่ยวจนเป็นน้ำมันใช้ทาผิวหนังกันยุง

8.ใช้กาบมะพร้าวหรือเปลือกส้มตากแห้งจุดไฟ เพื่อให้เกิดควันไล่ยุง

9.ปลูกต้นแก้วหรือต้นราตรีไว้บริเวณประตูและหน้าต่าง จะช่วยไล่ยุงได้

*แค่นี้บ้านของทุกคนก็จะไม่ถูก มด แมลงสาป มากวนใจ แร้วคร่ะ

-------------------------------------------

วันพฤหัสบดีที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

" อัตราย!! จาก...คอนเเทคเลนส์ "


“คอนแทคเลนส์” หรือ “เลนส์สัมผัส” จัดเป็นเครื่องมือแพทย์ชนิดหนึ่งที่ใช้เพื่อปรับสายตา
แต่!!ในปัจจุบันได้มีการนำเอาคอนแทคเลนส์มาใช้สวมใส่เพื่อความสวยงาม
ซึ่งมีทั้งแบบที่ทำให้ดวงตา ดูกลมโตขึ้น และแบบที่ช่วย เปลี่ยนสีตาเป็นสีต่าง ๆ ได้

กระแสคอนแทคเลนส์แฟชั่นได้แพร่ระบาดเข้าสู่ประเทศไทยเมื่อประมาณต้นปี 2549 ที่ผ่านมา โดยวัยรุ่นไทยนิยมใส่คอนแทคเลนส์แฟชั่นเพื่อให้ตา กลมโตเลียนแบบดาราเกาหลี และญี่ปุ่น

คอนแทคเลนส์แฟชั่นดังกล่าวเป็นที่รู้จักกันดีในนาม บิ๊กอายส์ หรือ คอนแทคเลนส์ตาโต
ราคาก็มีตั้งแต่หลักร้อยไปจนถึงหลักพัน ระยะเวลาการใช้งานก็มีให้เลือกหลากหลาย
ตั้งแต่ 1 เดือนไปจนถึง 1 ปี
ปัจจุบันคอนแทคเลนส์แฟชั่นไม่ได้มีวางจำหน่ายแต่เฉพาะในร้านแว่นตา หรือคลินิกจักษุแพทย์เท่านั้น

แต่!!ยังมีวางขายตามแผงค้าตามแหล่งแฟชั่น รวมไปถึงการวางจำหน่ายในเว็บไซต์
ทำให้ผู้บริโภคหาซื้อคอนแทคเลนส์แฟชั่นมาสวมใส่ได้ง่ายยิ่งขึ้น
แต่!!ไม่ว่าจะใช้คอนแทคเลนส์เพื่อวัตถุประสงค์ใดก็ตาม
เลนส์ที่ใช้จะต้องสัมผัสกับผิวของดวงตาที่บอบบาง การติดเชื้อหรือฉีกขาดอาจเกิดได้ง่าย
จึงต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ
การใช้คอนแทคเลนส์หากใช้ไม่ถูกต้องหรือไม่เหมาะสม อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ใช้และอาจรุนแรงถึงขั้นตาบอดได้ เหมือนกับข่าวเมื่อปลายปี 49 ที่ผ่านมา ที่มีชายชาวนิวซีแลนด์ที่ตาบอดจากการสวมใส่คอนแทคเลนส์แฟชั่นเพื่อความสนุกสนานในงานปาร์ตี้จนเกิดการติดเชื้อหลังสวมใส่คอนแทคเลนส์นาน 3 วันทั้งนี้การใส่คอนแทคเลนส์จะต้องได้รับการตรวจตาโดยจักษุแพทย์ หรือผู้ประกอบโรคศิลปะโดยอาศัยทัศนมาตรศาสตร์ โดยผู้สวมใส่จะต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของจักษุแพทย์ หรือนักทัศนมาตรศาสตร์ หรือคำแนะนำบนฉลากอย่างเคร่งครัดและเพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภค ทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้จัดทำมาตรการกำกับดูแลคอนแทคเลนส์ทุกประเภทให้เข้มงวดมากขึ้น โดยได้จัดทำร่างประกาศกำหนดให้คอนแทคเลนส์ทุกประเภท เป็นเครื่องมือแพทย์ที่ผู้ผลิต ผู้นำเข้า จะต้องแจ้งรายละเอียดต่ออย.ก่อนผลิตหรือนำเข้า
อีกทั้งกำหนดเงื่อนไขให้ผู้ผลิตหรือนำเข้าต้องจำหน่ายคอนแทคเลนส์ให้กับสถานที่ที่กำหนดเท่านั้น เช่น สถานพยาบาล ผู้บริโภคไม่ควรซื้อคอนแทคเลนส์ที่จำหน่ายตามแผงลอย เพราะอาจเป็นอันตรายถึงตาบอดได้นอกจากนี้ อย. ยังได้กำหนดให้ฉลากของผลิตภัณฑ์ดังกล่าว จะต้องมีคำเตือน ข้อห้ามใช้ และข้อควรระวังต่าง ๆ บนฉลากอย่างชัดเจนนพ.นรังสันต์ พีรกิจ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า ....
“ประชาชนควรระมัดระวังการใช้คอนแทคเลนส์ทุกชนิด โดยไม่ควรซื้อมาใช้เอง และซื้อจากร้านที่เป็นแผงลอย ควรปฏิบัติตามคำแนะนำบนฉลากอย่างเคร่งครัด และหากมีภาวะผิดปกติ เช่น ต้อเนื้อ ต้อลม ตาแดง กระจกตาไวต่อความรู้สึกลดลง ตาแห้ง กะพริบตาไม่เต็มที่ ก็ไม่ควรใช้คอนแทคเลนส์”

*******************************

สิ่งที่สำคัญที่ต้องระลึกถึงอยู่เสมอคือเรื่องสุขลักษณะ ต้องล้างมือให้สะอาดและทำให้แห้งก่อนสัมผัสเลนส์ การสวมและการเปลี่ยนเลนส์ก็ให้เป็นไปตามระยะที่กำหนด การล้างและการเก็บรักษาเลนส์ก็ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ ส่วนภาชนะที่เก็บเลนส์ก็ต้องรักษาให้สะอาดอยู่เสมอ ห้ามใช้คอนแทคเลนส์ร่วมกับบุคคลอื่น ห้ามใส่ขณะว่ายน้ำเพราะอาจทำให้ติดเชื้อที่ตา และห้ามใส่เวลานอน ถึงแม้ว่าจะเป็นชนิดใส่นอนได้ก็ตาม และต้องถอดทำความสะอาดทุกวัน หากมีอาการผิดปกติ เช่น เจ็บหรือปวดตาเป็นอย่างมาก ร่วมกับอาการแพ้แสง ตามัวลง น้ำตาไหลมาก ตาแดง ให้หยุดใช้คอนแทคเลนส์ทันที และให้รีบไปพบแพทย์หรือจักษุแพทย์โดย

วันพุธที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

"จำเป็นไหมต้องวิ่งตามเทรนด์???????"


เดี๋ยวนี้พฤติกรรมของคนรุ่นใหม่น่ะน่ารัก น่าเอ็นดู แถมชอบอะไรก็มักชอบคล้ายกันซะด้วยสิ เช่น ถ้าวัยรุ่นนักศึกษาอยากมีรถเป็นของตัวเองละก็ หากพ่อแม่เป็นคนมีกะตังค์ เดี๋ยวไปออเซาะขอท่านด้วยการกอดนิดหอมหน่อยทำเป็นประจบสอพลอ โอ้ย แค่นี้ก็ได้ของขวัญเป็นรถยนต์ไว้ขับโก้โชว์เพื่อนแล้ว แต่นอกเหนือจากนี้ล่ะ เชื่อมะว่ายังมีอุปกรณ์บางอย่างที่พวกเรานิยมใช้และอยากมีพกติดตัวไว้ข้างกาย แบบว่ามีแล้วมัน “อินเทรนด์” ทำให้รู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของสังคม ไม่ได้เป็นแกะดำ หรือพวกนอกคอกน่ะสิ ซึ่ง สิ่งเหล่านี้มีอะไรมั่งน่ะรึ แท่น แท้น ก็ของเหล่านี้ไง...







1. โทรศัพท์มือถือโห

มนุษย์แทบทุกเพศทุกวัยมีใช้กันทั้งนั้นแหละ ยกเว้นคนที่เกลียดไอ้เจ้าสิ่งนี้จริงๆก็อีกเรื่องนึง บางครอบครัวงี้ให้โทรศัพท์มือถือลูกใช้ตั้งแต่เรียนอยู่ ป. 1 ยังไม่ทันขึ้น ป. 4 ก็พกกันแล้วด้วยซ้ำ ซึ่งบางคนพอมี “ของเล่น” แทนที่จะไว้ติดต่อสื่อสารในยามจำเป็น แต่เปล่าหรอก กลายเป็นมีไว้เม้าท์กันกระฉ่อน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องมีสาระหรือไร้สาระ ยิ่งใครมีพรสวรรค์ในการจับแพะมาชนแกะก็ยิ่งคุยกันจนน้ำลายฟูมปาก แถมราคาเครื่องก็มีให้เลือกตั้งแต่ทู้ก ถูก ไปจนถึงราคาแพงเหลือเชื่อ ดังนั้น พวกเราจึงติดหนึบกับการใช้ มือถือ...ว่ามะ ซึ่งการมีมือถือก็มีประโยชน์ ไม่ใช่ เป็นของฟุ่มเฟือยเสมอไปเพราะมันจะให้โทษกะเจ้าของก็ต่อเมื่อ คุณกระหน่ำโทร.จนเกินโปรโมชั่น หรือเกินงบประมาณที่สามารถจะเสียค่าโทร.ได้ในแต่ละเดือนน่ะซี ถ้าไม่อยากกระเป๋าฉีกก็เตือนตัวเองไว้ นะคะคู้น




2. ติดการใช้คอมพิวเตอร์

ถนัดเปิดเว็บนู้น เว็บนี้เพื่อหาเพื่อนคุยบ้างล่ะ, เพื่อดูแฟชั่นยอดฮิตสมัยนี้ว่าไปถึงไหนกันแล้ว หรือเพื่อเขียนกระทู้แสดงความคิดเห็นต่อประเด็นทางสังคม เดี๋ยวนี้ โอ้ย สามารถแสดงออกได้อย่างสบาย ยิ่งหากช่วงนั้นมีข่าวเด่นประเด็นเดือดอะไรให้ต้องติดตาม บางบ้านงี้ เปิดคอมฯต่ออินเตอร์เน็ตกันทั้งวี่ทั้งวันเลยเชียว ว่าแต่อย่าใช้ช่องทางนี้เพื่อโจมตี หรือหาเรื่องใครโดยไม่มีมูลความจริงละกัน เพราะบาปกรรมน่ะสิ ถามได้





3. ชอบของแถมแล้วใครมั่งอ่ะที่ไม่ชอบ


ยิ่งเวลาจะซื้อสินค้าสักชิ้นแล้วเผอิญมีโปรโมชั่นแถมของให้ด้วย แม้จะเป็นของแถมขนาดมินิ ก็เอาว่ะ แหม อุตส่าห์จ่ายเงินแล้วได้ของเพิ่มมาอีกชิ้น ค่อยคุ้มหน่อย




4. ชอบของแจกตามประตูทางเข้าห้างฯ

หรือตามสถานีรถไฟลอยฟ้า, รถใต้ดิน ของแจกตามห้างฯ ก็รู้ๆกันอยู่ ว่าไม่ใช่ของชิ้นใหญ่โตอะไร มักเป็นแชมพู, ครีมนวดผม หรือโลชั่น และอะไรก็ตามที่เค้าอยากแจก ซึ่งถ้าได้ก็ดี จะได้ทดลองใช้ให้รู้ว่า เราชอบไหม? หรือใช้แล้วดีมะ? อีกอย่างถ้าไม่ได้ใช้ยังสามารถนำไปเป็นของฝากเพื่อน ฝูงหรือญาติได้ด้วย ยะฮู้! อะไรจะดีอย่างนี้เนอะ






สรุป : ความจริงเเล้วเราไม่จำเป็นต้องวิ่งตามเทรนด์ให้มันเหนื่อยหรอก
เพียงแค่เราทำตัวตามที่เราเคยทำ เป็นตัวของตัวเอง
แค่นี้ก็ไม่ต้องไปสิ้นเปลืองตามเทรนด์ให้มันเหนื่อย!!

วันพุธที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

บล็อกแรกของฉัน^____________^



20/05/52



"เด็กฝรั่งเศส ห้อง6 "

"ไม่มีอะไรเกินความอยู่เเล้ว"